ในเดือนมิถุนายนปี 2566 มีผู้ใช้งาน Social Media ในประเทศไทยกว่าคนไทยกว่า 4.9 ล้านคน และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 5.85 ล้านคนในปี 2570 จึงปฏิเสธไม่ได้เลยว่า การขายสินค้าหรือบริการบน Social Media ยังเป็นเรื่องที่เราจำเป็นต้องมี (อาจใช้ไว้เพื่อขายสินค้าโดยตรง หรือเพื่อเป็นช่องทางในการติดต่อ เพิ่มความสัมพันธ์กับลูกค้า) ในเมื่อมีสื่อโซเชี่ยลด้วยการ สร้างเพจเฟสบุ๊ค อยู่แล้ว ทำไมเราถึงยังต้องมี”เว็บไซต์”อยู่ด้วยล่ะ ??
คำตอบของการมี เว็บไซต์ คือ
ในปัจจุบันนี้คนมีความไว้วางใจในเว็บไซต์ที่มีคุณภาพมากขึ้น เว็บไซต์สามารถแสดงการมีตัวตนของผู้ขายสินค้าออนไลน์ เปรียบเหมือนเป็นหน้าร้านออนไลน์ ยิ่งเว็บไซต์คุณภาพดี ยิ่งมีความน่าเชื่อถือมาก ดังนั้นการซื้อขายผ่านเว็บไซต์หรือที่เราเรียกกันว่าเป็น Web E-Commerce ในปัจจุบันยิ่งมียอดการซื้อขายทะลุสูงขึ้นไปเรื่อยๆ และจะดีกว่ามั้ยถ้าเรามีหน้าร้านได้หลายๆที่เหมือนเปิดหลายสาขา เช่น มีทั้งเว็บไซต์ เฟสบุ๊คเพจ instagram และช่องทางการซื้อขายจากแพตฟอร์มต่างๆเช่น ลาซาด้า และช้อปปี้ เป็นต้น ยิ่งมีหลายสาขาเราก็ยิ่งมีช่องทางในการเข้าถึงผู้ใช้ได้มากขึ้น แล้วทำไมเราต้องจำกัดตัวเองอยู่แค่บนแพตฟอร์มใดแพตฟอร์มหนึ่งล่ะ นั่นเท่ากับคุณกำลังเสียโอกาสในการขายให้กับลูกค้าอยู่นะ
การมีเว็บไซต์และ สร้างเพจเฟสบุ๊ค เป็นสิ่งที่มีข้อดีต่างๆ ดังนี้
1. เว็บไซต์
– การควบคุมและการกำหนดกฎเกณฑ์ของ เว็บไซต์
คุณสามารถควบคุมเนื้อหาและการแสดงผลบนเว็บไซต์ของคุณได้ตามต้องการ และสามารถกำหนดกฎเกณฑ์เพื่อให้เนื้อหาอยู่ในกรอบที่เหมาะสมตามที่คุณได้กำหนดไว้และสามารถสื่อความหมายของธุรกิจหรือองค์กรของคุณให้มีภาพลักษณ์ หรือ Branding ที่เข้มแข็งขึ้น
– การควบคุมและการสร้างแบรนด์
เว็บไซต์ช่วยสร้างแบรนด์และเสริมสร้างความน่าเชื่อถือของธุรกิจหรือองค์กร คุณสามารถสื่อสารตรงกับกลุ่มเป้าหมายของคุณได้อย่างตรงกลุ่มและเหมาะสม
– ความเป็นอิสระ
เว็บไซต์เป็นที่คุณควบคุมการสื่อสารหรือการขายสินค้าได้แบบเต็มรูปแบบ คุณสามารถปรับแต่งเนื้อหาและรูปแบบเว็บไซต์ตามต้องการ และไม่ต้องขึ้นอยู่กับแพลตฟอร์มหรือนโยบายของแพลตฟอร์มอื่น
– การวิเคราะห์ผู้เข้าชม
เว็บไซต์มีเครื่องมือต่างๆมากมายในการวิเคราะห์ ติดตาม ผู้เข้าชมเว็บไซต์ สามารถเก็บข้อมูลได้อย่างละเอียด สามารถนำไปเพื่อวางแผนการตลาดทั้งกับลูกค้าใหม่และทำการ Retarket กลับไปยังกลุ่มลูกค้าเดิม พร้อมทั้งสามารถกำหนดกลยุทธ์ทางการตลาดใหม่ๆเพื่อรับกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา
2. เพจเฟสบุ๊ค
– การเชื่อมต่อและการสื่อสาร
เพจเฟสบุ๊คเป็นช่องทางที่ดีในการเชื่อมต่อกับลูกค้าและผู้ที่สนใจธุรกิจของคุณ คุณสามารถแชร์ข้อมูลสำคัญ เช่น โปรโมชั่น กิจกรรม หรือข่าวสารใหม่ๆ และสามารถตอบคำถามหรือสอบถามข้อมูลจากผู้ที่สนใจ สามารถสร้างความสัมพันธ์แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้ติดตามได้อย่างใกล้ชิด
– การโฆษณาและการตลาด
เพจเฟสบุ๊คเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการโฆษณาและการตลาดออนไลน์ คุณสามารถสร้างโฆษณาที่เน้นกลุ่มเป้าหมายที่แนะนำให้เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ และสามารถวิเคราะห์ผลการโฆษณาเพื่อปรับแผนการตลาดต่อไป
– การแบ่งปันเนื้อหา
เพจเฟสบุ๊คช่วยให้คุณสามารถแบ่งปันเนื้อหาที่สร้างความสนใจได้ง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็นบทความ รูปภาพ วิดีโอ หรือเนื้อหาสื่ออื่นๆ ซึ่งสามารถเพิ่มโอกาสในการแสดงความคิดเห็น และเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้ที่ติดตามเพจของคุณ
– การวิเคราะห์ผู้ติดตาม
เพจเฟสบุ๊คมีเครื่องมือที่ใช้ในการวิเคราะห์ที่ช่วยให้คุณเข้าใจกลุ่มเป้าหมายของคุณได้มากขึ้น คุณสามารถดูข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับผู้ที่สนใจและกิจกรรมบนเพจ เพื่อปรับแผนการตลาดหรือเนื้อหาในอนาคตอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายและสร้างความสนใจในธุรกิจของคุณ
การมี เว็บไซต์ ควบคู่ไปกับการสร้าง เพจเฟสบุ๊ค สำหรับธุรกิจหรือการขายสินค้า/บริการเป็นสิ่งสำคัญมาก เนื่องจากทั้งสองแพลตฟอร์มมีข้อดีและข้อจำกัดที่แตกต่างกัน การมีเว็บไซต์สามารถเสริมสร้างความน่าเชื่อถือ, ขยายโอกาสในการทำการตลาด, และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขายได้ดียิ่งขึ้น
1. ความน่าเชื่อถือและการสร้างแบรนด์
การมีเว็บไซต์ทำให้ธุรกิจของคุณดูเป็นมืออาชีพมากขึ้น ลูกค้ามักจะมองหาความน่าเชื่อถือจากเว็บไซต์ที่ดูดีและมีข้อมูลครบถ้วน เว็บไซต์ช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นและช่วยให้ลูกค้ารู้สึกมั่นใจในการซื้อสินค้าหรือบริการจากคุณ
- เว็บไซต์ที่ดูมีคุณภาพสามารถสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับธุรกิจ และช่วยเสริมสร้างความน่าเชื่อถือได้มากกว่าการพึ่งพาเพจเฟสบุ๊คเพียงอย่างเดียว
2. ควบคุมและเป็นเจ้าของข้อมูลเต็มที่
เว็บไซต์ช่วยให้คุณ ควบคุมข้อมูล ของลูกค้าหรือผู้ที่เข้าชมเว็บไซต์ได้ดีกว่า เพจเฟสบุ๊ค เนื่องจากคุณเป็นเจ้าของเว็บไซต์ทั้งหมด
- คุณสามารถเก็บข้อมูลลูกค้าได้อย่างละเอียด เช่น ข้อมูลการซื้อขาย การสมัครสมาชิก หรือข้อมูลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการตลาดและการบริการลูกค้า
- ข้อมูลเหล่านี้สามารถนำไปใช้ในการวิเคราะห์, การส่งเสริมการขาย, หรือทำการตลาดแบบเฉพาะเจาะจง (Personalization)
3. การปรับแต่งและการพัฒนาได้เต็มที่
เว็บไซต์ช่วยให้คุณสามารถปรับแต่งและเพิ่มฟังก์ชันต่างๆ ตามความต้องการของธุรกิจได้มากกว่าเพจเฟสบุ๊ค เช่น:
- การสร้าง ระบบการขายออนไลน์ (eCommerce) ที่มีฟีเจอร์ครบถ้วน เช่น ระบบการชำระเงิน, ระบบจัดการสต็อกสินค้า, การแสดงโปรโมชั่นหรือส่วนลด
- การ ปรับแต่ง SEO (Search Engine Optimization) เพื่อทำให้เว็บไซต์ของคุณปรากฏในผลการค้นหาของ Google ซึ่งจะช่วยดึงดูดลูกค้าใหม่ๆ จากการค้นหาผ่าน Google
4. การควบคุมประสบการณ์ของผู้ใช้ (UX)
การมีเว็บไซต์ช่วยให้คุณสามารถควบคุมประสบการณ์ผู้ใช้ (User Experience) ได้อย่างเต็มที่ เช่น:
- คุณสามารถออกแบบเว็บไซต์ให้ใช้งานง่ายและเหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายของคุณ
- มีฟังก์ชันที่ทำให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงข้อมูลสินค้า, วิธีการสั่งซื้อ, หรือข้อมูลติดต่อได้ง่ายและสะดวก
5. การทำ SEO สำหรับการค้นหาทาง Google
เว็บไซต์ที่ดีสามารถทำ SEO เพื่อเพิ่มโอกาสในการถูกค้นพบใน Google ได้ ซึ่งจะช่วยดึงลูกค้าใหม่ๆ เข้ามา
- การทำ SEO บนเว็บไซต์มีความสำคัญในการดึงลูกค้าจากการค้นหาผ่านอินเทอร์เน็ต ขณะที่เพจเฟสบุ๊คมักจะไม่สามารถจัดการได้ในเชิงลึกเท่ากับเว็บไซต์
- การเพิ่มเนื้อหาที่มีคุณค่าและมีการปรับแต่ง SEO บนเว็บไซต์จะช่วยให้ธุรกิจของคุณมีโอกาสปรากฏในผลการค้นหามากขึ้น
6. การทำการตลาดหลายช่องทาง (Omnichannel Marketing)
การมีทั้งเว็บไซต์และเพจเฟสบุ๊คช่วยให้คุณสามารถสร้างกลยุทธ์ Omnichannel Marketing หรือการตลาดหลายช่องทางได้
- คุณสามารถใช้เพจเฟสบุ๊คเพื่อสร้างการรับรู้แบรนด์และโปรโมทสินค้าผ่านโฆษณา
- หลังจากนั้นสามารถนำลูกค้าเหล่านั้นมาที่เว็บไซต์ของคุณเพื่อทำการซื้อขายจริง หรือสร้างฐานข้อมูลลูกค้าเพื่อทำการตลาดต่อไป
- การผสานการใช้งานทั้งสองช่องทางนี้ช่วยเพิ่มโอกาสในการทำการตลาดและการขายได้มากขึ้น
7. การขายสินค้าหรือบริการได้โดยตรง (eCommerce)
หากธุรกิจของคุณเกี่ยวข้องกับการขายสินค้าออนไลน์ เว็บไซต์เป็นเครื่องมือที่เหมาะสมที่สุดในการดำเนินธุรกิจแบบ eCommerce
- สามารถสร้าง ระบบตะกร้าสินค้า ที่ลูกค้าสามารถเลือกซื้อสินค้าจากเว็บไซต์ได้โดยตรง
- สามารถจัดการการชำระเงินและการจัดส่งได้อย่างสะดวกสบาย
- ไม่มีข้อจำกัดในการแสดงสินค้าหรือบริการที่คุณสามารถเสนอให้กับลูกค้าเหมือนกับการใช้เพจเฟสบุ๊คที่มีการจำกัดจำนวนสินค้าในแค็ตตาล็อก
8. การสร้างฐานข้อมูลลูกค้า
เว็บไซต์ช่วยให้คุณสามารถสร้าง ฐานข้อมูลลูกค้า โดยการรวบรวมข้อมูลจากการลงทะเบียนสมาชิก การสั่งซื้อ หรือการสมัครรับข่าวสาร
- คุณสามารถใช้ข้อมูลเหล่านี้ในการทำ Email Marketing หรือการทำโฆษณาผ่านช่องทางอื่นๆ เช่น การสร้างข้อเสนอพิเศษสำหรับลูกค้าผ่านอีเมล หรือโปรโมทผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ให้กับลูกค้าเดิม
9. มีความยืดหยุ่นในเรื่องของฟังก์ชันการทำงาน
เว็บไซต์ช่วยให้คุณสามารถเพิ่มฟังก์ชันหรือบริการใหม่ๆ ได้ตลอดเวลา เช่น:
- การสร้าง บล็อก เพื่อเพิ่มเนื้อหาที่มีคุณค่าและให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์แก่ลูกค้า
- การเพิ่ม การสมัครสมาชิก เพื่อให้ลูกค้าติดตามโปรโมชั่นหรือข้อมูลข่าวสารของแบรนด์
- ฟังก์ชันต่างๆ เช่น แชทบอท หรือ การให้บริการหลังการขาย ที่อาจไม่สามารถทำได้ในเพจเฟสบุ๊ค
สรุป
การมี เว็บไซต์ ควบคู่ไปกับการใช้ เพจเฟสบุ๊ค เป็นวิธีที่ช่วยเพิ่มศักยภาพในการทำการตลาดและการขายได้มากขึ้น เว็บไซต์ช่วยให้คุณควบคุมประสบการณ์ของลูกค้า, เก็บข้อมูลลูกค้า, ทำ SEO, และมีระบบ eCommerce ที่สามารถสร้างรายได้อย่างเต็มที่ ในขณะที่เพจเฟสบุ๊คเป็นช่องทางที่ดีในการสร้างการรับรู้และดึงดูดลูกค้าใหม่ การผสมผสานทั้งสองแพลตฟอร์มจะช่วยเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จในธุรกิจออนไลน์ของคุณ
อย่างไรก็ตาม ควรมีการใช้เว็บไซต์และเพจเฟสบุ๊คร่วมกันเพื่อ”เติมเต็ม”ประสิทธิภาพ การมีเว็บไซต์ช่วยเพิ่มความมั่นใจ เป็นที่ยอมรับของธุรกิจหรือองค์กรและเป็นอีกหนึ่งช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าหรือบริการ ในขณะที่เพจเฟสบุ๊คช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าและผู้ที่สนใจอย่างใกล้ชิด ดังนั้น การใช้ทั้งเว็บไซต์และเพจเฟสบุ๊คเป็นกลยุทธ์ที่ดีในการสร้างแบรนด์และเพิ่มโอกาสในการตลาดออนไลน์ของธุรกิจหรือองค์กรของคุณให้เติบโตอย่างยั่งยืน
HOW DOES IT WORK?? CLICK VIDEO TO SEE!!
