fbpx

เว็บไซต์ที่ดีพร้อมปิดการขายแทนคุณ ควรเป็นอย่างไร

ปิดการขาย, Closing deal, deal, ยอดขาย, เว็บไซต์,เว็บไซต์ปิดการขาย,SEO, SEO คืออะไร, ทำไมต้องทำ ,ช่วยอะไร,ดิจิตอล มาร์เก็ตติ้ง, กี่เดือน,เห็นผล, digital marketing, b grand marketing, การตลาด, การตลาดออนไลน์,ตลาดออนไลน์

เว็บไซต์ที่ดีพร้อม ปิดการขาย แทนคุณ ควรเป็นอย่างไร

เว็บไซต์ที่มีโครงสร้างที่ดีนั้นไม่เพียงแต่เป็นช่องทางทางตลาดออนไลน์เท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องมือขายที่มีประสิทธิภาพอีกด้วย เจ้าของธุรกิจหลายรายให้ความสำคัญกับการออกแบบ แต่กลับมองข้ามเนื้อหาเชิงกลยุทธ์ที่จะช่วย ปิดการขาย ได้จริง กล่าวถึงว่าการทำความเข้าใจว่าควรใส่เนื้อหาประเภทใดเข้าไปถือเป็นกุญแจสำคัญในการทำให้เว็บไซต์เป็นพนักงานขายทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง!

1. ข้อเสนอคุณค่า(Value) ที่ชัดเจน

อธิบายความสำคัญของข้อเสนอที่มีคุณค่า(Value)ที่ชัดเจนและกระชับบนหน้าแรกของเว็บไซต์ ซึ่งจะทำให้ผู้เยี่ยมชมทราบได้ทันทีว่าธุรกิจเสนออะไรและมีประโยชน์ต่อพวกเขาอย่างไร ซึ่งจะช่วยลดอัตราการออกจากเว็บไซต์และดึงดูดความสนใจได้อย่างดี

2. คำอธิบายผลิตภัณฑ์หรือบริการที่น่าสนใจ

คำอธิบายผลิตภัณฑ์หรือบริการที่เน้นประโยชน์มากกว่าคุณสมบัติถือเป็นหัวใจสำคัญในการสื่อสารกับลูกค้า เพราะช่วยให้พวกเขาเห็นภาพได้ชัดเจนขึ้นว่าเหตุใดสินค้าหรือบริการนั้นจึงเหมาะสมกับพวกเขา และเป็นวิธีที่จะสร้างความเชื่อมั่นในการตัดสินใจซื้อได้อย่างดี นี่คือเหตุผลและแนวทางที่ควรนำมาใช้:

1. ประโยชน์ช่วยให้เข้าใจง่ายกว่าคุณสมบัติ

  • คุณสมบัติต่าง ๆ เช่น “วัสดุทำจากสแตนเลสเกรดสูง” หรือ “มีระบบกันน้ำ” แม้จะมีประโยชน์ในตัว แต่หากไม่อธิบายว่าสิ่งเหล่านี้ส่งผลดีอย่างไรต่อลูกค้า คำอธิบายก็อาจจะเข้าใจได้ยาก
  • ตัวอย่างเช่น ควรเขียนว่า “ทำจากสแตนเลสเกรดสูง ทนทานต่อการสึกกร่อน เหมาะสำหรับการใช้งานในทุกสภาพอากาศ” ซึ่งช่วยให้ลูกค้าตระหนักถึงประโยชน์ที่ตรงกับความต้องการของพวกเขามากขึ้น

2. ประโยชน์สามารถกระตุ้นอารมณ์ได้ดีกว่า

  • การเขียนให้ลูกค้ารู้สึกถึงการได้รับประสบการณ์ที่ดีขึ้นหรือการแก้ปัญหาที่พวกเขากังวลอยู่จะมีผลต่อการตัดสินใจซื้อ โดยการเน้นถึงความรู้สึกที่ลูกค้าจะได้รับ เช่น “ช่วยลดความซับซ้อนในการทำงานประจำวัน” หรือ “สร้างความสะดวกสบายสูงสุดในการใช้งาน” ซึ่งจะทำให้ลูกค้ารู้สึกถึงคุณค่าในทันที

3. ใช้ภาษาที่เรียบง่าย หลีกเลี่ยงศัพท์เฉพาะ

  • การสื่อสารด้วยภาษาที่เรียบง่ายและหลีกเลี่ยงศัพท์เฉพาะทางสามารถทำให้เนื้อหาน่าสนใจและเข้าถึงง่ายขึ้น เพราะลูกค้าทั่วไปอาจไม่คุ้นเคยกับคำศัพท์เฉพาะทาง
  • ตัวอย่างเช่น แทนที่จะใช้คำว่า “วัสดุระดับอุตสาหกรรม” อาจใช้ว่า “ทนทานเป็นพิเศษ ใช้งานได้ยาวนาน” ซึ่งจะเข้าถึงใจลูกค้ามากกว่า

4. แสดงให้เห็นว่าผลิตภัณฑ์/บริการช่วยแก้ปัญหาได้อย่างไร

  • หากสามารถชี้ให้เห็นได้ว่า ผลิตภัณฑ์หรือบริการสามารถตอบโจทย์ปัญหาของลูกค้าได้จริง ๆ ก็จะทำให้เกิดความสนใจมากยิ่งขึ้น เช่น หากเป็นสินค้ากันเสียง ควรระบุถึงการลดเสียงรบกวนที่สามารถช่วยให้มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น หรือช่วยให้การพักผ่อนมีคุณภาพมากขึ้น
  • การแสดงผลลัพธ์ที่ชัดเจนจะทำให้ลูกค้ามองเห็นความสัมพันธ์ระหว่างผลิตภัณฑ์กับชีวิตประจำวันของพวกเขาได้อย่างชัดเจน

ตัวอย่างการใช้คำอธิบายเน้นประโยชน์

แทนที่จะเขียนว่า:

  • “เครื่องทำกาแฟอัตโนมัติ ความจุขนาด 2 ลิตร”

สามารถเขียนเป็น:

  • “เพลิดเพลินกับกาแฟสดได้ทุกเช้า เพียงแค่กดปุ่มเดียว ด้วยเครื่องทำกาแฟอัตโนมัติที่พร้อมใช้งานและมีความจุในขนาดที่เพียงพอสำหรับทุกคนในครอบครัว”

3. คำรับรองจากลูกค้าและกรณีศึกษา

Social Proof ถือเป็นหนึ่งในเครื่องมือทรงพลังที่ช่วยสร้างความเชื่อมั่นและกระตุ้นการตัดสินใจของลูกค้าในการ ปิดการขาย ได้อย่างมีประสิทธิภาพ การที่ลูกค้าเห็นว่าผู้ใช้คนอื่น ๆ ได้รับประสบการณ์ที่ดีและได้รับประโยชน์จากผลิตภัณฑ์หรือบริการนั้น ช่วยเสริมความมั่นใจว่าการตัดสินใจเลือกแบรนด์นั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้อง และไม่ใช่แค่การเชื่อถือเพียงจากการโฆษณาของบริษัทเท่านั้น

4. การดึงดูดให้ดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง (CTA) ที่มีประสิทธิภาพ

CTA หรือ Call-to-Action เป็นเครื่องมือสำคัญในการนำทางผู้เยี่ยมชมตลอดกระบวนการซื้อ ตั้งแต่การดึงดูดความสนใจไปจนถึงการกระตุ้นให้เกิดการกระทำจริง ดังนั้น การวาง CTA ในตำแหน่งที่เหมาะสมบนเว็บไซต์เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในการเพิ่มโอกาสปิดการขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดย CTA ควรเน้นที่การสร้างความเร่งด่วนโดยไม่ก้าวร้าวจนเกินไป ซึ่งจะช่วยให้ผู้เยี่ยมชมรู้สึกว่าตนมีสิทธิ์เลือกและตัดสินใจโดยที่ไม่ถูกบังคับ

5. เนื้อหาที่ตอบคำถามทั่วไปช่วย ปิดการขาย ได้

การสร้างเนื้อหาที่คาดเดาคำถามทั่วไปของลูกค้าเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการทำให้กระบวนการตัดสินใจง่ายขึ้นสำหรับผู้ซื้อ โดยการตอบคำถามล่วงหน้าจะช่วยให้ลูกค้ารู้สึกมั่นใจในข้อมูลที่ได้รับ ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับรายละเอียดที่ไม่เข้าใจและสามารถตัดสินใจได้อย่างมั่นใจมากขึ้น นี่คือคำแนะนำในการสร้างเนื้อหาที่จะช่วยลดความลังเลใจของลูกค้า

6. หน้าเกี่ยวกับเราที่สร้างความน่าเชื่อถือ

การมีส่วน “เกี่ยวกับเรา” ที่ชัดเจนและสร้างความประทับใจเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการสร้างความน่าเชื่อถือให้กับเว็บไซต์ ลูกค้าจำนวนมากมักเข้าไปอ่านข้อมูลในหน้านี้เพื่อทำความรู้จักกับแบรนด์ รวมถึงเพื่อเข้าใจว่าแบรนด์มีคุณค่าและจุดแข็งที่น่าไว้วางใจอย่างไร ซึ่งการมีข้อมูลในส่วน “เกี่ยวกับเรา” ที่ครบถ้วนและตรงใจลูกค้าจะช่วยเพิ่มโอกาสในการตัดสินใจซื้อและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระยะยาวได้

7. บล็อกที่น่าสนใจและสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการ ปิดการขาย

การเขียนบล็อกเป็นมากกว่าแค่การเพิ่มประสิทธิภาพ SEO เพราะนอกจากจะช่วยให้เว็บไซต์ติดอันดับบน Search Engine เช่น Google หรือ Bing ได้ดีขึ้นแล้ว ยังช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ของบริษัทให้เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมด้วย การมีเนื้อหาที่ให้ข้อมูลและคำแนะนำที่มีประโยชน์ในบล็อกจะทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าบริษัทมีความเชี่ยวชาญและเข้าใจในสิ่งที่พวกเขาต้องการ ซึ่งส่งผลต่อความไว้วางใจและความเชื่อมั่นในแบรนด์อย่างมาก

8. องค์ประกอบการสร้างความไว้วางใจ (นโยบายความเป็นส่วนตัว)

การเพิ่มองค์ประกอบความน่าเชื่อถือในเว็บไซต์เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ผู้เยี่ยมชมรู้สึกมั่นใจว่าเว็บไซต์มีความปลอดภัยและถูกต้องตามกฎหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อลูกค้าต้องการข้อมูลส่วนบุคคลหรือรายละเอียดการชำระเงิน การมีนโยบายความเป็นส่วนตัว การรับรองคุณภาพ หรือการได้รับรางวัลจากอุตสาหกรรมจะช่วยให้ลูกค้ามองเห็นถึงด้านความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือ ซึ่งองค์ประกอบเหล่านี้สามารถช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจได้ง่ายขึ้นในการทำธุรกิจกับบริษัท

9. ข้อมูลการติดต่อที่ค้นหาได้ง่าย

การทำให้ข้อมูลการติดต่อชัดเจนและเข้าถึงได้ง่ายเป็นสิ่งสำคัญมากในการสร้างความสะดวกสบายให้กับลูกค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อลูกค้าต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ขอคำแนะนำ หรือมีข้อสงสัยเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการของบริษัท การแสดงข้อมูลการติดต่อในทุกหน้าของเว็บไซต์และจัดเตรียมช่องทางการติดต่อที่หลากหลายจะช่วยให้ลูกค้าสามารถเชื่อมต่อกับบริษัทได้สะดวกยิ่งขึ้น และยังแสดงให้เห็นว่าบริษัทพร้อมให้บริการลูกค้าเสมอ นี่คือวิธีการปรับปรุงข้อมูลการติดต่อให้เหมาะสม

ตัวอย่าง

  • ควรมีข้อมูลการติดต่อ เช่น หมายเลขโทรศัพท์ อีเมล และลิงก์ไปยังโซเชียลมีเดีย วางไว้ในทุกหน้าของเว็บไซต์ โดยสามารถวางไว้ที่ส่วนบน (header) หรือส่วนท้าย (footer) ของหน้า ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ผู้เยี่ยมชมคุ้นเคยและสามารถเห็นได้ชัดเจนตลอดการท่องเว็บ
  • นอกจากนี้ อาจเพิ่มปุ่มติดต่อที่สามารถคลิกได้จากทุกหน้า เช่น ปุ่ม “ติดต่อเรา” ในเมนูหลัก หรือปุ่มที่ลอยอยู่บนหน้าเว็บเพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงได้ตลอดเวลา
  • หน้า “ติดต่อเรา” ควรมีข้อมูลการติดต่อที่ละเอียดและครอบคลุมทุกช่องทางการติดต่อที่ลูกค้าสามารถเลือกได้ เช่น หมายเลขโทรศัพท์ อีเมล ที่อยู่สำนักงาน และลิงก์ไปยังโซเชียลมีเดียต่าง ๆ
  • ควรเพิ่มฟอร์มการติดต่อที่ใช้งานง่ายในหน้านี้ด้วย เพื่อให้ลูกค้าที่ไม่สะดวกในการโทรศัพท์หรือส่งอีเมลสามารถกรอกข้อมูลได้ทันที
  • การให้ช่องทางการติดต่อที่หลากหลายจะช่วยให้ลูกค้าสามารถเลือกช่องทางที่สะดวกที่สุดสำหรับพวกเขา เช่น บางคนอาจชอบติดต่อผ่านอีเมลหรือโทรศัพท์ ในขณะที่บางคนอาจต้องการติดต่อผ่านแชทหรือโซเชียลมีเดีย เช่น Facebook Messenger, LINE, หรือ WhatsApp
  • นอกจากนี้ ควรมีการตอบกลับในแต่ละช่องทางอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกได้รับการบริการที่ดีและไม่ต้องรอนาน

10. ข้อเสนอแนะเพิ่มเติมสำหรับการปิดการขายอย่างมีประสิทธิภาพ

  • การสนับสนุนการไลฟ์แชท  การไลฟ์แชทสำหรับการสนับสนุนลูกค้าได้ทันที ซึ่งสามารถช่วยตอบคำถามในนาทีสุดท้ายและปิดการขายได้ทันที
    • หากเป็นไปได้ ควรเพิ่มฟังก์ชันแชทสดในเว็บไซต์เพื่อให้ลูกค้าสามารถสอบถามและได้รับคำตอบในทันที โดยเฉพาะหากมีคำถามเร่งด่วนหรือข้อสงสัยเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือบริการ ฟังก์ชันแชทสดนี้จะช่วยให้ลูกค้ารู้สึกประทับใจในการให้บริการและช่วยเพิ่มโอกาสในการปิดการขายได้มากขึ้น
    • ควรมีทีมงานที่สามารถตอบคำถามผ่านแชทสดได้อย่างรวดเร็ว หรือหากไม่มีทีมงานพร้อมตลอดเวลา อาจใช้บอทช่วยตอบคำถามเบื้องต้นก่อนที่ทีมงานจะมาดูแลต่อ
  • ราคาที่ชัดเจนและโปร่งใส  ตรวจสอบให้แน่ใจว่าราคานั้นตรงไปตรงมาและค้นหาได้ง่าย ความโปร่งใสช่วยสร้างความไว้วางใจและป้องกันไม่ให้ลูกค้าเลิกใช้บริการเนื่องจากต้นทุนที่ซ่อนอยู่
  • การเพิ่มประสิทธิภาพสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่  ย้ำถึงความสำคัญของการออกแบบที่เป็นมิตรต่ออุปกรณ์เคลื่อนที่ เนื่องจากปริมาณการเข้าชมจำนวนมากมาจากผู้ใช้อุปกรณ์เคลื่อนที่

บทสรุป

เว็บไซต์ของคุณไม่ใช่แค่หน้าร้านออนไลน์ แต่คือเครื่องมือเชิงกลยุทธ์ที่สามารถขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจคุณในระยะยาว หากคุณมองเว็บไซต์ของคุณเพียงแค่เป็นเครื่องมือในการปิดการขาย คุณอาจพลาดโอกาสที่ยิ่งใหญ่ในการสร้างความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนกับลูกค้า การลงทุนเวลาและความพยายามในการสร้างเว็บไซต์ที่มีกลยุทธ์ที่ชัดเจนจะช่วยให้คุณไม่เพียงแต่ปิดการขายได้มากขึ้น แต่ยังสร้างฐานลูกค้าที่ภักดีที่พร้อมสนับสนุนธุรกิจของคุณในทุกขั้นตอน อย่าลืมว่าเว็บไซต์ของคุณคือสะพานที่เชื่อมต่อคุณกับลูกค้า และถ้าได้รับการพัฒนาอย่างถูกต้อง เว็บไซต์นี้จะเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังที่สุดในการขับเคลื่อนการเติบโตและความสำเร็จของธุรกิจในอนาคต ลงทุนเวลาในการสร้างเว็บไซต์ให้มีประสิทธิภาพ และจะเห็นผลตอบแทนที่มากมายกว่าที่คุณคิดและผลตอบแทนในระยะยาว!

 

 

 

 

พูดคุยกับเรา คลิก
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม

เพิ่มศักยภาพการทำเว็บไซต์ด้วย SEO!

administrator
Project Manager - รู้ครบทุกเรื่องการทำการตลาดออนไลน์ - อยู่ในวงการทำการตลาดออนไลน์มากกว่า 9 ปี - Co-Founder บริษัท บี แกรนด์ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด เชี่ยวชาญด้าน Digital Marketing ที่ดูแลลูกค้าในหลากหลายธุรกิจ ทั้ง B2B และ B2C

Related Articles

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *