เริ่มต้น วิธีทำ SEO เริ่มจากอะไร ต้องทำอะไรบ้าง

วิธีทำ SEO, SEO, SEO คืออะไร, ทำไมต้องทำ ,ช่วยอะไร,ดิจิตอล มาร์เก็ตติ้ง, กี่เดือน,เห็นผล, digital marketing, b grand marketing, การตลาด, การตลาดออนไลน์,ตลาดออนไลน์,seo คือ,social media marketing,seo คืออะไร,seo services,รับทํา seo,seo ย่อมาจาก,การทํา seo คือ,seo ย่อมาจากอะไร,seo หมายถึง,seo ราคา,services seo,บริษัท seo

เริ่มต้น วิธีทำ SEO เริ่มจากอะไร ต้องทำอะไรบ้าง

วิธีทำ SEO (Search Engine Optimization) ในการเริ่มต้นสำหรับเว็บไซต์คุณอาจจะดูยุ่งยากในตอนแรก แต่ถ้าคุณทำตามขั้นตอนอย่างมีระเบียบและมีเป้าหมายที่ชัดเจน มันสามารถช่วยเพิ่มการมองเห็นและอันดับของเว็บไซต์ในผลการค้นหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ นี่คือขั้นตอนเริ่มต้นที่ควรทำเมื่อคุณต้องการเริ่มทำ SEO

1. การวิเคราะห์และวิจัยคำหลัก (Keyword Research)

การวิจัยคำหลัก (Keyword Research) คือขั้นตอนแรกในการทำ SEO ซึ่งช่วยให้คุณเข้าใจว่า คำค้นหาหรือคีย์เวิร์ด ใดที่ลูกค้าหรือผู้ค้นหามักจะใช้ในการหาข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการที่คุณเสนอ

  • ใช้เครื่องมืออย่าง Google Keyword PlannerAhrefsSEMrush, หรือ Ubersuggest เพื่อค้นหาคำหลักที่เกี่ยวข้องและมีการแข่งขันต่ำพอที่คุณจะสามารถติดอันดับได้
  • เลือกคำหลักที่มีการค้นหาสูงและเกี่ยวข้องกับเนื้อหาหรือผลิตภัณฑ์ของเว็บไซต์
  • แบ่งคำหลักออกเป็น หลัก (Primary Keywords) และ รอง (Long-tail Keywords) เพื่อทำให้การทำ SEO ของคุณมีประสิทธิภาพมากขึ้น

2. การวิเคราะห์เว็บไซต์ (Website Audit)

การทำ เว็บไซต์ออดิท (Website Audit) ช่วยให้คุณสามารถตรวจสอบสถานะของเว็บไซต์และหาจุดบกพร่องที่อาจจะทำให้การทำ SEO ไม่ประสบความสำเร็จ

  • ตรวจสอบว่าเว็บไซต์ของคุณ โหลดเร็วหรือไม่ (Page Speed)
  • ตรวจสอบ ลิงก์เสีย (Broken Links) ที่อาจทำให้ประสบการณ์ของผู้ใช้แย่ลง
  • ตรวจสอบโครงสร้าง URL และตรวจสอบให้แน่ใจว่า การใช้หัวข้อ (Headings) เช่น มีการใช้งานที่เหมาะสม
  • ตรวจสอบ การตั้งค่าความปลอดภัย (SSL Certificate) ว่าเว็บไซต์ของคุณมีการเข้ารหัส HTTPS หรือไม่
  • ใช้เครื่องมือเช่น Google Search Console และ Screaming Frog เพื่อช่วยตรวจสอบปัญหาทางเทคนิค

3. การปรับแต่ง On-Page SEO

เมื่อได้ทำการวิจัยคำหลักและตรวจสอบเว็บไซต์แล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการปรับแต่งหน้าเว็บ (On-Page SEO) เพื่อให้มันตรงกับคำค้นหาที่คุณเลือก

  • Meta Tags: ตรวจสอบให้แน่ใจว่า Meta Title และ Meta Description มีคำหลักที่คุณเลือกและมีความยาวที่เหมาะสม
  • การใช้ Heading Tags: ใช้แท็กหัวข้อ อย่างเหมาะสมในการจัดระเบียบเนื้อหาบนหน้า
  • การใส่คำหลักในเนื้อหา: ใช้คำหลักในเนื้อหาบนเว็บไซต์อย่างเป็นธรรมชาติ อย่าบรรจุคำหลักมากเกินไป (keyword stuffing)
  • Alt Text ในรูปภาพ: ใส่คำหลักหรือคำอธิบายที่เกี่ยวข้องของรูปภาพ เพื่อช่วยให้เครื่องมือค้นหาทราบว่าภาพเหล่านั้นเกี่ยวข้องกับอะไร
  • Internal Linking: เชื่อมโยงบทความหรือเนื้อหาต่างๆ ภายในเว็บไซต์ด้วย Internal Links เพื่อเพิ่มการเชื่อมโยงและทำให้เว็บไซต์มีการไหลเวียนของข้อมูลได้ดีขึ้น

4. การปรับปรุงเทคนิค SEO (Technical SEO)

การปรับปรุง Technical SEO จะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณสามารถเข้าถึงและทำงานได้ดีกับเครื่องมือค้นหา

  • เพิ่มความเร็วเว็บไซต์: ใช้เครื่องมือเช่น Google PageSpeed Insights เพื่อตรวจสอบและปรับปรุงความเร็วของเว็บไซต์
  • ปรับเว็บไซต์ให้รองรับมือถือ: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเว็บไซต์ของคุณมีการออกแบบที่รองรับการแสดงผลบนมือถือ (Responsive Design)
  • สร้างและส่ง Sitemap: สร้างไฟล์ XML Sitemap และส่งไปยัง Google Search Console เพื่อช่วยให้ Google เข้าใจโครงสร้างเว็บไซต์ของคุณ
  • การใช้ Robots.txt: ตั้งค่า robots.txt เพื่อบอกเครื่องมือค้นหาว่าส่วนใดของเว็บไซต์ที่ไม่ควรทำการจัดทำดัชนี

5. การสร้างเนื้อหาคุณภาพ (Content Creation)

การสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพและตอบโจทย์ความต้องการของผู้ค้นหาคือสิ่งสำคัญที่สุดใน SEO

  • สร้าง บทความ, บล็อก, หรือเนื้อหาที่ให้ข้อมูล ที่มีคุณค่าและเกี่ยวข้องกับคำค้นหาที่คุณเลือก
  • อย่าลืมทำให้เนื้อหาของคุณ อ่านง่ายและมีความน่าสนใจ รวมถึงการใช้ภาพและสื่ออื่นๆ เพื่อเสริมความเข้าใจ
  • อัปเดตเนื้อหาเก่าและตรวจสอบให้แน่ใจว่าเว็บไซต์ของคุณมี เนื้อหาที่สดใหม่และตรงประเด็น ตามแนวโน้มของผู้ค้นหา

6. การสร้าง Backlinks (Link Building)

การทำ Link Building หรือการสร้างลิงก์ย้อนกลับ (Backlinks) จะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับเว็บไซต์และทำให้เว็บไซต์ของคุณมีอันดับที่ดีขึ้น

  • พยายามสร้างลิงก์จากเว็บไซต์ที่มีความน่าเชื่อถือและเกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ
  • ใช้ Guest BloggingBroken Link Building, หรือ การเขียนคอนเทนต์ที่มีคุณค่า เพื่อดึงดูดลิงก์จากเว็บไซต์อื่น
  • Social Media ก็เป็นช่องทางหนึ่งในการสร้างลิงก์ และเพิ่มความน่าสนใจให้กับเว็บไซต์ของคุณ

7. การตรวจสอบและวิเคราะห์ผล (Monitoring and Analytics)

หลังจากทำ SEO เริ่มต้นแล้ว คุณควรใช้เครื่องมือการวิเคราะห์เพื่อ ติดตามผลลัพธ์ และดูว่าเว็บไซต์ของคุณทำงานได้ดีเพียงใด

  • ใช้ Google Analytics เพื่อตรวจสอบการเข้าชมเว็บไซต์, พฤติกรรมผู้ใช้, และแหล่งที่มาของการเข้าชม
  • ใช้ Google Search Console เพื่อติดตามประสิทธิภาพในผลการค้นหา, ตรวจสอบอันดับคำค้นหา, และแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น
  • ตรวจสอบว่าอันดับของคำหลักที่คุณเลือกมีการปรับตัวอย่างไรในผลการค้นหาของ Google และทำการปรับปรุงเนื้อหาหรือกลยุทธ์ SEO ตามผลลัพธ์ที่ได้

สรุป

การทำ SEO คือการทำงานอย่างต่อเนื่องที่ต้องเริ่มต้นด้วย การวิเคราะห์คำหลัก และ เว็บไซต์ออดิท จากนั้นทำการปรับแต่งทั้ง On-Page SEOOff-Page SEO, และ Technical SEO โดยการสร้างเนื้อหาที่มีคุณค่าและสร้างลิงก์ย้อนกลับ การติดตามผลด้วยเครื่องมือวิเคราะห์จะช่วยให้คุณเห็นความคืบหน้าของการทำ SEO และสามารถปรับปรุงกลยุทธ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

 

 

พูดคุยกับเรา คลิก
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม

administrator
Project Manager - รู้ครบทุกเรื่องการทำการตลาดออนไลน์ - อยู่ในวงการทำการตลาดออนไลน์มากกว่า 9 ปี - Co-Founder บริษัท บี แกรนด์ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด เชี่ยวชาญด้าน Digital Marketing ที่ดูแลลูกค้าในหลากหลายธุรกิจ ทั้ง B2B และ B2C

Related Articles

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *