fbpx

ขายยังไงให้ได้กำไรตลอด? คำแนะนำ เริ่มต้นขายสินค้า Shopee Lazada และ Super app อื่นๆ

เริ่มต้นขายสินค้า, Super apps , shopee , lazada, line , กลยุทธ์บนแพลตฟอร์ม, , รับทำการตลาดออนไลน์, รับทำ SEO, วิธีทำ SEO, ติดอันดับหน้าแรก Google, digital marketing, B Grand Marketing

ขายยังไงให้ได้กำไรตลอด? คำแนะนำ เริ่มต้นขายสินค้า Shopee Lazada และ Super app อื่นๆ

การเข้าสู่แพลตฟอร์ม Shopee Lazada หรือ Super App อื่นๆ สามารถช่วยธุรกิจขยายฐานลูกค้า เพิ่มยอดขาย และสร้างประสบการณ์การซื้อขายที่สะดวกยิ่งขึ้น เราจะมาพูดถึง คำแนะนำและขั้นตอนเบื้องต้นสำหรับธุรกิจที่ต้องการ เริ่มต้นขายสินค้า และบริการผ่าน Super App

 

Table of Contents

เริ่มต้นขายสินค้า, Super apps , shopee , lazada, line , กลยุทธ์บนแพลตฟอร์ม, , รับทำการตลาดออนไลน์, รับทำ SEO, วิธีทำ SEO, ติดอันดับหน้าแรก Google, digital marketing, B Grand Marketing

เริ่มต้นขายสินค้า ด้วยการวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายของธุรกิจ

การเลือกแพลตฟอร์ม E-commerce และการตลาดดิจิทัลต้องพิจารณากลุ่มเป้าหมายที่ตรงกับลักษณะของธุรกิจ นี่คือการวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายของ Lazada, Shopee, LINE และ TikTok

Lazada และ Shopee: สำหรับธุรกิจ E-commerce

กลุ่มเป้าหมายหลัก

  1. ผู้บริโภคที่มองหาความสะดวกสบาย

    • คนที่ต้องการสินค้าออนไลน์พร้อมบริการจัดส่งถึงบ้าน
    • ผู้ที่ชื่นชอบการช้อปปิ้งในราคาประหยัดและแคมเปญส่วนลด
  2. คนรุ่นใหม่ (อายุ 18-35 ปี)

    • กลุ่มวัยทำงานและนักศึกษา ที่มองหาสินค้าแฟชั่น, อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์, และไลฟ์สไตล์
    • ใช้งานแพลตฟอร์มที่มีการชำระเงินผ่านช่องทางดิจิทัลและโปรโมชั่นในแอป
  3. แม่บ้านและครอบครัว

    • กลุ่มที่มองหาสินค้าอุปโภคบริโภค เช่น ของใช้ในบ้าน, ของเล่นเด็ก, และสินค้าอาหาร
  4. นักช้อปแคมเปญและโปรโมชัน

    • กลุ่มที่มองหาสินค้าในช่วง Flash Sale, 11.11, 12.12 ที่ช่วยให้ได้ราคาพิเศษ

พฤติกรรมผู้ใช้งาน

    • ใช้ฟีเจอร์การค้นหาและเปรียบเทียบราคาก่อนซื้อ
    • ชอบรีวิวสินค้าและความน่าเชื่อถือของร้านค้า เช่น LazMall หรือ Shopee Mall
    • ให้ความสำคัญกับระบบจัดส่งรวดเร็ว เช่น Same-Day Delivery

LINE และ TikTok: สำหรับธุรกิจการตลาดและสร้างปฏิสัมพันธ์

LINE: กลุ่มเป้าหมายหลัก

  1. ธุรกิจที่ต้องการเข้าถึงคนทุกวัย

    • LINE เป็นแพลตฟอร์มยอดนิยมในประเทศไทย โดยเฉพาะกลุ่มวัยทำงานและผู้สูงอายุ
    • กลุ่มเป้าหมายหลากหลาย เช่น ลูกค้าที่ใช้แชท, LINE Official Account, และบริการเสริม
  2. นักช้อปที่ให้ความสำคัญกับการพูดคุยโดยตรง

    • กลุ่มที่ชอบติดต่อร้านค้าผ่านแชทเพื่อสอบถามข้อมูลก่อนซื้อ
  3. ธุรกิจท้องถิ่นและ SMEs

    • ใช้ LINE ในการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างร้านค้าและลูกค้า เช่น การส่งโปรโมชันส่วนตัว

พฤติกรรมผู้ใช้งาน

      • ใช้ LINE ในการรับข่าวสารและโปรโมชันจากธุรกิจ
      • ชอบแคมเปญ Loyalty Program เช่น ระบบสะสมแต้ม

TikTok

กลุ่มเป้าหมายหลัก 

  1. คนรุ่นใหม่และ Gen Z (อายุ 15-30 ปี)

    • กลุ่มที่ชื่นชอบคอนเทนต์วิดีโอสั้นที่สนุกสนานและอินเทรนด์
    • ใช้แพลตฟอร์มในการค้นหาแรงบันดาลใจ เช่น สินค้าแฟชั่น, เครื่องสำอาง, และไลฟ์สไตล์
  2. นักช้อปสายบันเทิง

    • กลุ่มที่ตัดสินใจซื้อสินค้าจากการไลฟ์สด หรือวิดีโอรีวิวที่มีความสร้างสรรค์
  3. อินฟลูเอนเซอร์และครีเอเตอร์

    • ผู้ที่ใช้ TikTok เพื่อโปรโมตสินค้าและสร้างเนื้อหาเพื่อดึงดูดลูกค้า

พฤติกรรมผู้ใช้งาน

  • ชอบเนื้อหาสั้นที่ให้ความบันเทิงและเนื้อหาขายสินค้าที่ดูไม่ “ขายตรงเกินไป” หรือ Live เพื่อขายของไปเลย
  • มักตัดสินใจซื้อสินค้าเมื่อเห็นโฆษณาในรูปแบบรีวิวหรือการใช้จริง

เริ่มต้นขายสินค้า ควรทำความเข้าใจกฎและค่าธรรมเนียม

Shopee

Shopee มีการปรับอัตราค่าคอมมิชชันตามประเภทของผู้ขายและหมวดหมู่สินค้าดังนี้

ผู้ขายทั่วไป (Non-Mall Sellers)

    • สินค้ากลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ (Electronics) 5%
    • สินค้าที่ไม่ใช่อิเล็กทรอนิกส์ 4%
    • สินค้าในหมวดแฟชั่น 6%

ร้านค้าใน Shopee Mall

      • สินค้ากลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ 6%
      • สินค้าที่ไม่ใช่อิเล็กทรอนิกส์ 5%
      • สินค้าในหมวดแฟชั่น 6%

นอกจากนี้ Shopee ยังมีค่าธรรมเนียมการชำระเงิน (Payment Fee) ประมาณ 3% และค่าธรรมเนียมการเข้าร่วมโปรโมชันหรือแคมเปญต่าง ๆ ซึ่งอาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม

Lazada

Lazada ได้ปรับอัตราค่าคอมมิชชันใหม่ตั้งแต่วันที่ 23 ตุลาคม 2566 โดยแบ่งตามหมวดหมู่สินค้าดังนี้

Lazada ได้ปรับอัตราค่าคอมมิชชันใหม่ในปี 2024 เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของตลาดและเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการแก่ผู้ขาย โดยมีรายละเอียดดังนี้

ผู้ขายทั่วไป (Non-Mall Sellers)

สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ (Electronics)

  • เครื่องเสียง, อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล, เครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก, สมาร์ทดีไวซ์ 7%
  • กล้อง, โดรน, คอมพิวเตอร์ ฯลฯ 5%

สินค้าแฟชั่น (Fashion)

  • กระเป๋า, อุปกรณ์เดินทาง, รองเท้า ฯลฯ 8%
  • เครื่องประดับแฟชั่น, เครื่องประดับมีมูลค่า, เครื่องประดับเพื่อการลงทุน 7%
  • เครื่องประดับแฟชั่น, คอนแท็กต์เลนส์ 7%
  • เครื่องประดับแฟชั่น กลุ่มอื่น ๆ 10%

สินค้าอุปโภคบริโภค (Consumer Goods)

    • ของใช้ในบ้าน, ของตกแต่งบ้าน 9%
    • อาหารและเครื่องดื่ม, ของใช้ประจำวัน 8%

หมวดหมู่อื่น ๆ (Others)

    •  สินค้าเพื่อสุขภาพ, อุปกรณ์กีฬา, อุปกรณ์สำหรับสัตว์เลี้ยง 7%
    • หนังสือ, เครื่องดนตรี, งานศิลปะ 6%

ร้านค้าใน LazMall

  • สินค้าแฟชั่น 10%-12%
  • สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ 5%-8%
  • สินค้าอุปโภคบริโภค 8%-10%

นอกจากนี้ Lazada ยังมีค่าธรรมเนียมการชำระเงิน (Payment Fee) ประมาณ 3% และอาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับการเข้าร่วมโปรโมชันหรือแคมเปญต่าง ๆ

หมายเหตุ อัตราค่าธรรมเนียมดังกล่าวอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามนโยบายของแต่ละแพลตฟอร์ม ผู้ขายควรตรวจสอบข้อมูลล่าสุดจากเว็บไซต์หรือประกาศของ Shopee และ Lazada เพื่อความถูกต้องและอัปเดตข้อมูลอยู่เสมอ

การวางแผนราคาสินค้าเพื่อครอบคลุมต้นทุน กำไร และค่าธรรมเนียม (GP หรือ Gross Profit Margin)

 1. วิเคราะห์ต้นทุนทั้งหมด

  • ต้นทุนสินค้า (COGS) ราคาที่ได้จากผู้ผลิตหรือซัพพลายเออร์ รวมถึงค่าขนส่งถึงคลังสินค้า
  • ค่าธรรมเนียมแพลตฟอร์ม (GP)
    • เช่น Shopee 3%-6% และ Lazada 4%-7% ขึ้นอยู่กับหมวดสินค้า
    • ค่าชำระเงินเพิ่มเติม เช่น Payment Fee (ประมาณ 2%-3%)
  • ค่าขนส่ง หากผู้ขายเป็นผู้รับผิดชอบ ต้องรวมเข้ากับต้นทุนสินค้า
  • ค่าการตลาด ค่าบูสต์สินค้า, การเข้าร่วมแคมเปญ, และโฆษณาในแพลตฟอร์ม
  • ต้นทุนอื่น ๆ ค่าแรง, ค่าสต็อกสินค้า, และค่าบริหารจัดการ

2. กำหนดกำไรที่เหมาะสม

  • ตั้งกำไรสุทธิที่ต้องการ เช่น 20%-30% จากราคาขาย หลังหักค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ
  • หากต้องการปรับให้สามารถแข่งขันได้ อาจตั้งกำไรต่ำในช่วงโปรโมชัน แต่ต้องชดเชยด้วยปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้น

3. คำนวณราคาขายสินค้า

ใช้สูตรเพื่อหาขั้นต่ำของราคาขาย:
ราคาขายขั้นต่ำ = (ต้นทุนรวม ÷ (1 – ค่าธรรมเนียมแพลตฟอร์ม – เปอร์เซ็นต์กำไรที่ต้องการ))

ตัวอย่าง

  • ต้นทุนสินค้า (รวมทุกอย่าง) = 200 บาท
  • ค่าธรรมเนียมแพลตฟอร์ม = 7%
  • เปอร์เซ็นต์กำไรที่ต้องการ = 20%

ราคาขายขั้นต่ำ = 200/(1−0.07−0.2) =285.71 บาท

ดังนั้นราคาขายควรตั้งไว้ที่ 290 บาท เพื่อให้ครอบคลุมต้นทุนและกำไร

4. วางแผนโปรโมชันพิเศษ

การเข้าร่วมแคมเปญหรือโปรโมชันเป็นโอกาสในการเพิ่มยอดขาย แต่ควรระวังไม่ให้กระทบต่อกำไรโดย

  • เพิ่มราคาขายล่วงหน้า ตั้งราคาสินค้าให้สูงขึ้นเล็กน้อยก่อนแคมเปญ เพื่อให้ส่วนลดที่เสนอไม่กระทบกำไรสุทธิมากเกินไป
  • ใช้โปรโมชันจัดส่งฟรี หากแพลตฟอร์มมีการสนับสนุนค่าขนส่งบางส่วน ควรใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้
  • ปรับกำไรจากปริมาณการขาย แม้กำไรต่อชิ้นจะน้อยลง แต่ปริมาณการขายเพิ่มขึ้นอาจช่วยชดเชย

ตัวอย่างการวางแผนราคาในโปรโมชัน

  • ราคาปกติ = 290 บาท
  • ลดราคา 10% = 261 บาท
  • หากต้องการรักษากำไรสุทธิ อาจพิจารณา
    • ลดค่าใช้จ่ายอื่น (เช่น ค่าขนส่ง)
    • เพิ่มยอดขายขั้นต่ำต่อวัน

5. ใช้เครื่องมือแพลตฟอร์มในการบริหารราคา

  • Shopee Ads/Lazada Ads ช่วยเพิ่มการมองเห็นสินค้า
  • Analytics Tools ใช้ข้อมูลวิเคราะห์ยอดขายและปรับราคาตามความต้องการของตลาด
  • Campaign Manager เข้าร่วมแคมเปญที่ตรงกลุ่มเป้าหมาย

6. ติดตามผลและปรับปรุง

  • ประเมินผลลัพธ์การขายในแคมเปญต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง
  • วิเคราะห์ว่าส่วนลดหรือโปรโมชันช่วยเพิ่มยอดขายและกำไรหรือไม่
  • ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ราคาหรือแคมเปญให้เหมาะสม
 

ใช้ฟีเจอร์โปรโมชันบนแพลตฟอร์ม

  •  Super App มักมีฟีเจอร์ช่วยขาย เช่น
    • Flash Sale โปรโมชันลดราคาแบบจำกัดเวลา
    • Livestream Selling การขายสินค้าผ่านการไลฟ์สด
    • โฆษณาภายในแพลตฟอร์ม เพื่อเพิ่มการมองเห็นสินค้า
  • เข้าร่วมแคมเปญพิเศษ เช่น 11.11, 12.12 ของ Lazada และ Shopee เพื่อเพิ่มยอดขาย

สร้างเนื้อหาที่ดึงดูดใจ , เพิ่มความน่าเชื่อถือพร้อมทั้งติดตามผลและปรับปรุงกลยุทธ์

  •  ใช้ คอนเทนต์วิดีโอสั้น (เช่น บน TikTok หรือ LINE Ads) เพื่อเพิ่มการเข้าถึงลูกค้า
  • ออกแบบแคมเปญที่สร้างความประทับใจ เช่น การรีวิวสินค้าโดยอินฟลูเอนเซอร์
  • เปิดร้านค้าบน LazMall หรือ Shopee Mall เพื่อแสดงให้เห็นว่าคุณเป็นผู้ขายที่เชื่อถือได้
  • ใช้รีวิวจากลูกค้าและการตอบกลับที่รวดเร็วเพื่อเพิ่มความไว้วางใจ
  • ใช้ Dashboard Analytics ของ Super App ในการวิเคราะห์ข้อมูลยอดขาย, จำนวนผู้เข้าชม, และสินค้าขายดี
  • ปรับปรุงสินค้าและบริการตามความต้องการของลูกค้า

เพิ่มการเชื่อมโยงช่องทางอื่นๆ, เน้นบริการหลังการขายที่โดดเด่นและพัฒนาความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้า

  •  โปรโมตร้านค้าหรือสินค้าบน Super App ผ่านช่องทางอื่น เช่น เว็บไซต์, โซเชียลมีเดีย, และอีเมล
  • สร้าง Omni-Channel Strategy เพื่อให้ลูกค้าเชื่อมต่อกับธุรกิจได้ง่ายทุกช่องทาง
  • ตอบคำถามและช่วยเหลือลูกค้าอย่างรวดเร็วผ่านช่องทางแชทใน Super App
  • ส่งสินค้าให้ตรงเวลาและสร้างประสบการณ์ที่ดีเพื่อเพิ่มโอกาสให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำ
  • ใช้ฟีเจอร์ Loyalty Program หรือระบบสะสมแต้มบน Super App เช่น LINE Rewards หรือ Shopee Coins เพื่อสร้างความจงรักภักดี
 

สรุป

การเข้าสู่ Super App ต้องเริ่มจากการวางแผนที่เหมาะสม เลือกแพลตฟอร์มที่ใช่ ใช้ฟีเจอร์ที่เป็นประโยชน์ และเน้นการดูแลลูกค้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มโอกาสให้ธุรกิจเติบโตในยุคดิจิทัล

Have a really
great ideas?

administrator
Project Manager - รู้ครบทุกเรื่องการทำการตลาดออนไลน์ - อยู่ในวงการทำการตลาดออนไลน์มากกว่า 9 ปี - Co-Founder บริษัท บี แกรนด์ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด เชี่ยวชาญด้าน Digital Marketing ที่ดูแลลูกค้าในหลากหลายธุรกิจ ทั้ง B2B และ B2C

Related Articles

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *