Contact to discuss your project
การทำ Site Audit อย่างสม่ำเสมอเป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยให้เว็บไซต์สามารถรักษาประสิทธิภาพในระยะยาว และเตรียมความพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงของตลาดหรืออัลกอริทึมของเครื่องมือค้นหา หากต้องการคำปรึกษาหรือบริการที่ช่วยให้เว็บไซต์ของคุณมีประสิทธิภาพสูงสุด ติดต่อผู้เชี่ยวชาญเพื่อเริ่มต้นการทำ Site Audit วันนี้!
ขอบคุณที่กรอกข้อมูลและส่งชื่อเว็บไซต์คุณ! เราได้รับคำขอของคุณเรียบร้อยแล้ว และทีมงานของเรากำลังเริ่มต้นการวิเคราะห์ SEO เว็บไซต์คุณ
เราจะตรวจสอบในประเด็นสำคัญ เช่น:
- การปรับแต่งโครงสร้างเว็บไซต์ (Technical SEO)
- คุณภาพและประสิทธิภาพของคอนเทนต์
- การใช้คีย์เวิร์ด
- ความเร็วเว็บไซต์
- ลิงก์ภายในและภายนอก
รายงานวิเคราะห์ SEO ของคุณจะเสร็จภายใน [ระบุระยะเวลา เช่น 1-3 วันทำการ] โปรดระบุรายละเอียดเพื่อการติดต่อกลับ
การทำ Site Audit คืออะไร
Site Audit คือ กระบวนการตรวจสอบเว็บไซต์อย่างละเอียดเพื่อประเมินคุณภาพ ประสิทธิภาพ และความสมบูรณ์ในแง่มุมต่าง ๆ เช่น โครงสร้างเว็บไซต์ (Structure), ประสิทธิภาพทางเทคนิค (Technical Performance), เนื้อหา (Content), และประสบการณ์ผู้ใช้งาน (User Experience หรือ UX) ตามหลัก E-E-A-T โดยมีเป้าหมายเพื่อค้นหาปัญหาและแนวทางแก้ไขที่ช่วยพัฒนาเว็บไซต์ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
ทำไมต้องทำ Site Audit?
การทำ Site Audit เป็นกระบวนการตรวจสอบเว็บไซต์อย่างละเอียด เพื่อประเมินประสิทธิภาพและค้นหาปัญหาที่อาจส่งผลต่อการทำงานของเว็บไซต์ โดยมีความสำคัญในหลายด้าน ดังนี้
เพิ่มประสิทธิภาพ SEO
- การทำ Site Audit ช่วยตรวจสอบว่าเว็บไซต์ได้รับการปรับแต่งสำหรับเครื่องมือค้นหา (Search Engines) หรือไม่ เช่น การใช้คีย์เวิร์ดอย่างเหมาะสม, การตั้งค่า Meta Tag, และการสร้างโครงสร้าง URL ที่เป็นมิตร
- ช่วยค้นหาและแก้ไขปัญหา เช่น เนื้อหาซ้ำ (Duplicate Content), การใช้ลิงก์เสีย (Broken Links) และปัญหา Crawlability ที่ทำให้ Google ไม่สามารถจัดอันดับเว็บไซต์ได้ดี
ปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้งาน (User Experience - UX)
- ช่วยตรวจสอบความเร็วในการโหลดเว็บไซต์ (Page Speed) ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อการรักษาผู้เข้าชม
- วิเคราะห์ความเหมาะสมของการออกแบบและการแสดงผลบนอุปกรณ์ต่าง ๆ (Responsive Design) เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงเนื้อหาได้ง่าย
เพิ่มความปลอดภัยของเว็บไซต์
- ตรวจสอบปัญหาด้านความปลอดภัย เช่น การใช้ SSL Certificate, การป้องกัน Malware หรือการป้องกัน Spam
- ช่วยป้องกันปัญหาที่อาจทำให้เว็บไซต์ถูกแบนหรือถูกลดอันดับในผลการค้นหา
แก้ไขปัญหาทางเทคนิค
- การทำ Site Audit จะช่วยค้นหาปัญหาที่มองไม่เห็น เช่น Error 404, การตั้งค่าไฟล์ Robots.txt ที่ผิดพลาด หรือปัญหากับ XML Sitemap
- ปรับปรุงโครงสร้างข้อมูล (Structured Data) เพื่อให้เครื่องมือค้นหาเข้าใจเนื้อหาได้ง่ายขึ้น
เพิ่มโอกาสในการแข่งขัน
- วิเคราะห์จุดแข็งและจุดอ่อนของเว็บไซต์เทียบกับคู่แข่ง
- ค้นหาโอกาสใหม่ ๆ ในการสร้างกลยุทธ์การตลาดดิจิทัล เช่น การเพิ่มเนื้อหาที่ตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย
เพิ่มโอกาสในการปิดการขาย
- ตรวจสอบว่าหน้าเว็บไซต์มี Call-to-Action (CTA) ที่ชัดเจนและตรงจุดหรือไม่
- ช่วยให้เว็บไซต์มีประสิทธิภาพในการเปลี่ยนผู้เข้าชมเป็นลูกค้า
การทำ Site Audit ตรวจเรื่องอะไรบ้าง
1. โครงสร้างเว็บไซต์ (Website Structure)
- ตรวจสอบความเป็นมิตรกับเครื่องมือค้นหา (Search Engine Friendly) เช่น การใช้ URL ที่อ่านง่าย (SEO-Friendly URL)
- วิเคราะห์โครงสร้างการเชื่อมโยงภายใน (Internal Linking) ว่าช่วยให้ผู้ใช้และเครื่องมือค้นหาเข้าถึงเนื้อหาได้ง่ายหรือไม่
- ตรวจสอบว่าหน้าเว็บไซต์มีการตั้งค่า BreadCrumb ที่เหมาะสมหรือไม่
2. ประสิทธิภาพด้านเทคนิค (Technical Performance)
- ความเร็วในการโหลด (Page Load Speed) ตรวจสอบว่าเว็บไซต์โหลดเร็วพอที่จะลดอัตราการตีกลับ (Bounce Rate) หรือไม่
- Mobile-Friendly วิเคราะห์การแสดงผลและความเร็วบนอุปกรณ์มือถือ
- Crawlability และ Indexability ตรวจสอบว่าบอทของเครื่องมือค้นหาสามารถเข้าอ่านเนื้อหาในเว็บไซต์ได้ดีหรือไม่ โดยดูจากไฟล์ Robots.txt และ XML Sitemap
- การตั้งค่า HTTPS ตรวจสอบว่ามี SSL Certificate ติดตั้งเพื่อเพิ่มความปลอดภัยหรือไม่
3. เนื้อหา (Content Analysis)
- ตรวจหาเนื้อหาซ้ำ (Duplicate Content) ที่อาจส่งผลต่ออันดับในเครื่องมือค้นหา
- ตรวจสอบการใช้คีย์เวิร์ด (Keyword Optimization) ใน Title, Meta Description, Header Tags, และเนื้อหา
- วิเคราะห์ว่ามีเนื้อหาที่ให้ประโยชน์และตรงกับความต้องการของผู้ใช้งานหรือไม่
4. ประสบการณ์ผู้ใช้งาน (User Experience - UX)
- การออกแบบเว็บไซต์ (Design) ตรวจสอบว่าออกแบบให้เข้าใจง่ายและนำทางสะดวกหรือไม่
- Responsive Design ตรวจสอบว่าเว็บไซต์สามารถแสดงผลได้ดีในทุกขนาดหน้าจอ
- การมี Call-to-Action (CTA) วิเคราะห์ว่า CTA ถูกออกแบบให้น่าสนใจและชัดเจนหรือไม่
5. ลิงก์ (Link Analysis)
- Broken Links ค้นหาและแก้ไขลิงก์ที่เสียหรือไม่ทำงาน
- Backlinks วิเคราะห์คุณภาพของลิงก์ที่เชื่อมมายังเว็บไซต์ (External Links) เพื่อประเมินผลกระทบต่อ SEO
- ตรวจสอบ Anchor Text ว่าเหมาะสมกับการใช้งานหรือไม่
6. ความปลอดภัยของเว็บไซต์ (Security Check)
- ตรวจสอบว่าเว็บไซต์มีการป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์ เช่น Malware หรือ Phishing
- ตรวจสอบว่าการป้องกันข้อมูลส่วนตัว (Data Protection) เป็นไปตามมาตรฐาน เช่น การใช้งาน HTTPS
7. การวิเคราะห์เมตาดาต้า (Metadata)
- ตรวจสอบว่า Title Tags และ Meta Descriptions สอดคล้องกับคีย์เวิร์ดหลักหรือไม่
- ตรวจสอบการใช้ Header Tags (H1, H2, H3) ว่าถูกต้องและช่วยในการทำ SEO หรือไม่
8. การวิเคราะห์ทางสถิติ (Analytics Integration)
- ตรวจสอบการติดตั้งเครื่องมือวิเคราะห์ เช่น Google Analytics และ Google Search Console ว่าทำงานได้สมบูรณ์หรือไม่
- วิเคราะห์พฤติกรรมผู้ใช้งาน (User Behavior) เช่น จำนวนการเข้าชม, หน้า Landing Page, และอัตราการตีกลับ
9. การปรับปรุงการเข้าถึง (Accessibility Audit)
- ตรวจสอบว่าเว็บไซต์มีฟังก์ชันรองรับผู้ใช้งานที่มีความต้องการพิเศษ เช่น การใช้งาน Screen Reader
- ตรวจสอบว่ามีการใช้ Alt Text ในรูปภาพหรือไม่