fbpx

Data Strategy

B Grand Marketing

กลยุทธ์การจัดการข้อมูล

 

Digital Marketing

ธุรกิจเกิด เติบโต ต่อยอด อยู่ยาว ได้ด้วยเรา

 

Here is what has been done so far.

 

22K+

Website Traffic

 
70%+

Traffic Increases per month

 
%(฿)67+

Increase sales of goods accounted

 

Why

ในปี 2567 นี้ คนไทยติดอันดับ 1 ของโลกในการซื้อสินค้าออนไลน์ทุกสัปดาห์ จากผู้ใช้อินเทอร์เน็ต 68.3% ที่ซื้อสินค้าออนไลน์อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง สูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่ 58.4% คนไทยติดอันดับโลกที่เฉลี่ยเวลาเล่นอินเทอร์เน็ตจากมือถือ 9 ชั่วโมง 20 นาทีต่อวัน และเป็นอันดับ 3 ของโลกในการชำระเงินผ่านมือถือ โดยมีผู้ใช้ 36.2%

Values

จากสถิติการใช้อินเตอร์เน็ตของคนไทย ถือได้ว่า การทำ Digital Marketing เป็นช่องทางการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ง่ายยิ่งกว่าเคาะประตูบ้าน เพราะ Digital Marketing หมายถึง การทำการตลาดผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ ในรูปแบบสื่อที่สามารถสื่อสารถึงกลุ่มเป้าหมาย จนกระทั่งได้ผลลัพธ์ตามจุดประสงค์ที่ต้องการ

 
data prep, data analyz, วิเคราะห์ข้อมูล, วิเคราะห์ดาต้า,marketing agency, BG,Marketing Strategy,digital marketing , การตลาดออนไลน์,วางแผนกลยุทธ์,กลยุทธ์การตลาด,สร้างเว็บไซต์,ทำเว็บไซต์, wordpress , เว็บไซต์ฟรี,SEO, marketing agency
Data Driven & Strategy
Data Prep & Plan

Data Driven & Strategy

B Grand Marketing เราทำการตลาด กลยุทธ์การจัดการข้อมูล โดยใช้ข้อมูลอ้างอิงจากกลุ่มเป้าหมายที่ใช้สินค้าหรือบริการของคุณอยู่แล้ว ข้อมูลของผู้ที่มีความต้องการ”จะใช้” หรือ”มีโอกาสใช้” เราจึงสามารถสื่อสารกลยุทธ์การตลาดไปได้อย่างตรงจุด ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า เพราะ Data จากผู้บริโภคนั้นเป็นความต้องการจริงที่เกิดขึ้น ทำให้เราเข้าใจธรรมชาติในการใช้บริการหรือสินค้านั้นๆได้อย่างถูกต้อง

 
Data Strategy คืออะไร

Data Strategy กลยุทธ์ด้านข้อมูล หรือ กลยุทธ์การจัดการข้อมูล หมายถึงการวางแผนและการกำหนดแนวทางการใช้ข้อมูลในทุกกระบวนการขององค์กร เพื่อให้ข้อมูลเป็นเครื่องมือที่สามารถสร้างประโยชน์สูงสุดในการตัดสินใจ และการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพ โดยมุ่งเน้นการใช้ข้อมูลเพื่อขับเคลื่อนกลยุทธ์ทางธุรกิจและเพิ่มมูลค่าขององค์กรในเชิงการแข่งขัน

การจัดการข้อมูลที่มีประสิทธิภาพต้องครอบคลุมหลายด้าน เช่น

  1. การเก็บรวบรวมข้อมูล (Data Collection)
    ขั้นตอนแรกในการพัฒนา Data Strategy คือการเก็บข้อมูลจากแหล่งต่างๆ อย่างมีระเบียบ ซึ่งอาจมาจากทั้งภายในและภายนอกองค์กร ข้อมูลเหล่านี้อาจประกอบไปด้วยข้อมูลเชิงปริมาณ เช่น ข้อมูลการขาย และข้อมูลเชิงคุณภาพ เช่น ข้อคิดเห็นของลูกค้า การเก็บข้อมูลต้องทำอย่างมีระบบและสม่ำเสมอ เพื่อให้สามารถเข้าถึงและใช้งานได้ง่ายในอนาคต

  2. การจัดเก็บข้อมูล (Data Storage)
    ข้อมูลที่เก็บรวบรวมมานั้นต้องถูกจัดเก็บในระบบที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย และปลอดภัย ขึ้นอยู่กับลักษณะของข้อมูลและความต้องการในการใช้งาน องค์กรอาจเลือกใช้เครื่องมือหรือแพลตฟอร์มที่เหมาะสม เช่น ฐานข้อมูล (Databases), Cloud Storage, หรือ Data Lakes ซึ่งมีความยืดหยุ่นในการจัดการข้อมูลขนาดใหญ่และหลากหลาย

  3. การวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analysis)
    การวิเคราะห์ข้อมูลช่วยให้องค์กรสามารถค้นพบข้อมูลเชิงลึก (insights) ที่สำคัญ เช่น ความพึงพอใจของลูกค้า ความคุ้มค่าในการลงทุน หรือแนวโน้มของตลาด การใช้เครื่องมือการวิเคราะห์ เช่น การวิเคราะห์เชิงสถิติ (statistical analysis), ปัญญาประดิษฐ์ (AI), และการเรียนรู้ของเครื่อง (Machine Learning) จะช่วยให้องค์กรสามารถตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพและแม่นยำมากขึ้น

  4. การใช้ข้อมูล (Data Utilization)
    หลังจากการเก็บรวบรวม การจัดเก็บ และการวิเคราะห์ข้อมูลแล้ว ขั้นตอนสุดท้ายคือการใช้ข้อมูลที่ได้มาในการตัดสินใจและดำเนินการทางธุรกิจ เช่น การวางแผนกลยุทธ์การตลาด การพัฒนาผลิตภัณฑ์ หรือการปรับปรุงประสิทธิภาพของกระบวนการภายในองค์กร ข้อมูลที่มีความแม่นยำและมีคุณภาพจะช่วยให้องค์กรสามารถตัดสินใจที่มีประสิทธิภาพและเหมาะสมกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ

จึงเป็นการจัดการข้อมูลที่มุ่งให้ข้อมูลเป็นเครื่องมือสำคัญในการตัดสินใจที่ขับเคลื่อนการเติบโตขององค์กร โดยการเก็บรวบรวมข้อมูล การจัดเก็บข้อมูลอย่างเป็นระเบียบ การวิเคราะห์ข้อมูลอย่างลึกซึ้ง และการใช้ข้อมูลในการตัดสินใจและดำเนินงานต่างๆ องค์กรที่มีกลยุทธ์การจัดการข้อมูลที่แข็งแกร่งจะสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มจากข้อมูลและรักษาความได้เปรียบในการแข่งขันได้อย่างยั่งยืน

 
ประโยชน์ของกลยุทธ์การจัดการข้อมูล

ประโยชน์ของ Data Strategy

  1. ช่วยให้องค์กรสามารถใช้ข้อมูลเป็น “ทรัพย์สิน” ที่สร้างมูลค่าได้

    • ข้อมูลเปรียบเสมือนทรัพย์สิน: ในยุคดิจิทัล ข้อมูลไม่ใช่เพียงแค่ทรัพยากรที่เก็บไว้เฉย ๆ แต่กลายเป็นสินทรัพย์ที่สามารถสร้างมูลค่าให้กับธุรกิจได้ เช่น การใช้ข้อมูลลูกค้าเพื่อวางแผนการตลาด การคาดการณ์แนวโน้ม หรือการพัฒนาผลิตภัณฑ์
    • การทำ Personalization: องค์กรสามารถนำข้อมูลมาใช้เพื่อสร้างประสบการณ์เฉพาะบุคคลให้กับลูกค้า เช่น แนะนำสินค้าที่ตรงกับความต้องการ ส่งโปรโมชันเฉพาะกลุ่ม หรือปรับแต่งการให้บริการเพื่อเพิ่มความพึงพอใจและความจงรักภักดีของลูกค้า
  2. ส่งเสริมการตัดสินใจที่อิงข้อมูล (Data-Driven Decision-Making)

    • ความแม่นยำและลดความเสี่ยง: การตัดสินใจที่อิงข้อมูลช่วยให้องค์กรมีความมั่นใจมากขึ้น เนื่องจากข้อมูลเป็นตัวช่วยยืนยันสมมติฐาน แทนการตัดสินใจด้วยความรู้สึกหรือประสบการณ์ส่วนตัว
    • ความรวดเร็วในการตัดสินใจ: ด้วยเครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลที่ทันสมัย เช่น AI หรือ Business Intelligence การตัดสินใจสามารถทำได้รวดเร็วขึ้น ช่วยให้องค์กรตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดได้ทันเวลา
  3. ลดความซับซ้อนและความสูญเปล่าจากการจัดการข้อมูลที่ไม่มีระบบ

    • การรวมศูนย์ข้อมูล: Data Strategy ช่วยให้องค์กรจัดเก็บและบริหารข้อมูลในที่เดียว ลดปัญหาข้อมูลกระจัดกระจายหรือข้อมูลซ้ำซ้อน
    • เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน: ด้วยการจัดการข้อมูลที่เป็นระบบ พนักงานไม่ต้องเสียเวลาค้นหาข้อมูลหรือแก้ไขข้อผิดพลาด ทำให้มีเวลาไปโฟกัสกับงานที่สำคัญมากขึ้น
    • ลดต้นทุน: การจัดเก็บข้อมูลที่ไม่จำเป็นหรือล้าสมัย (Redundant Data) สามารถกำจัดออกได้ ช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านพื้นที่จัดเก็บหรือค่าบำรุงรักษา
  4. เสริมสร้างความโปร่งใสและการปฏิบัติตามกฎหมายด้านข้อมูล

    • ความโปร่งใสในกระบวนการจัดการข้อมูล: การมี Data Strategy ช่วยให้องค์กรสามารถระบุได้ว่าใครเข้าถึงข้อมูลอะไรได้บ้าง และข้อมูลถูกใช้งานอย่างไร ซึ่งช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นจากลูกค้าและพาร์ทเนอร์
    • การปฏิบัติตามกฎหมาย: ในปัจจุบันมีกฎหมายด้านความเป็นส่วนตัวและการคุ้มครองข้อมูล เช่น GDPR (ยุโรป) หรือ PDPA (ไทย) การมีแนวทางจัดการข้อมูลที่ชัดเจนช่วยให้องค์กรสามารถปฏิบัติตามกฎหมายได้ ลดความเสี่ยงจากการถูกปรับหรือเสียชื่อเสียง
    • ปกป้องข้อมูลของลูกค้า: การใช้ Data Strategy ที่มีมาตรการด้านความปลอดภัย ช่วยป้องกันการรั่วไหลของข้อมูลและสร้างความไว้วางใจจากลูกค้า

สรุป: การวางกลยุทธ์ด้านข้อมูลช่วยให้องค์กรไม่เพียงแค่จัดการข้อมูลได้ดีขึ้น แต่ยังสามารถใช้ข้อมูลเพื่อขับเคลื่อนความสำเร็จ สร้างมูลค่า และเพิ่มความได้เปรียบทางธุรกิจในระยะยาว ทั้งยังช่วยสร้างความมั่นคงและความน่าเชื่อถือในสายตาลูกค้าและผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย

 
องค์ประกอบสำคัญของ กลยุทธ์การจัดการข้อมูล
  1. Data Governance
    • การกำหนดกฎเกณฑ์และมาตรฐานในการจัดการข้อมูล
    • การจัดการความปลอดภัย (data security) และการปฏิบัติตามกฎหมาย (compliance)
  2. Data Architecture
    • โครงสร้างพื้นฐานของข้อมูล เช่น ฐานข้อมูล, คลาวด์, หรือ Data Lake
    • การเลือกเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับความต้องการขององค์กร
  3. Data Analytics
    • การวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อหา insight ที่สามารถนำไปใช้งานได้
    • การใช้เครื่องมือและเทคโนโลยี เช่น AI และ Machine Learning
  4. Data Quality
    • การตรวจสอบคุณภาพข้อมูล เช่น ความถูกต้อง ครบถ้วน และความสม่ำเสมอ
  5. Data Literacy
    • การส่งเสริมทักษะและความเข้าใจด้านข้อมูลให้กับพนักงานทุกระดับ
ทำไม กลยุทธ์ด้านข้อมูล ถึงสำคัญ?
  • เพิ่มประสิทธิภาพในการตัดสินใจ: ข้อมูลที่ถูกต้องและวิเคราะห์ได้อย่างมีประสิทธิภาพช่วยให้การตัดสินใจมีความแม่นยำ
  • สร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน: องค์กรที่ใช้ข้อมูลอย่างชาญฉลาดสามารถพัฒนานวัตกรรมและบริการที่ตรงกับความต้องการของตลาด
  • ลดต้นทุนและความซับซ้อน: การบริหารจัดการข้อมูลที่ดีช่วยลดการใช้ทรัพยากรซ้ำซ้อน
  • สนับสนุนความยั่งยืน: การจัดการข้อมูลที่โปร่งใสและปลอดภัยช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นจากลูกค้า
 
ขั้นตอนในการพัฒนา กลยุทธ์การจัดการข้อมูล
  1. กำหนดเป้าหมาย: องค์กรต้องระบุเป้าหมายและปัญหาที่ต้องการแก้ไข
  2. วิเคราะห์ข้อมูลปัจจุบัน: ตรวจสอบว่าข้อมูลที่มีอยู่ครอบคลุมเพียงพอหรือไม่
  3. ออกแบบโครงสร้างข้อมูล: สร้างแผนผังและโครงสร้างที่สนับสนุนเป้าหมาย
  4. เลือกเทคโนโลยี: เลือกแพลตฟอร์มและเครื่องมือที่เหมาะสม
  5. พัฒนาทักษะทีมงาน: จัดอบรมและพัฒนาทีมงานให้มีทักษะด้านข้อมูล
  6. ติดตามผลและปรับปรุง: ใช้ตัวชี้วัด (KPIs) เพื่อตรวจสอบความคืบหน้าและปรับปรุงตามความเหมาะสม
ตัวอย่างการใช้กลยุทธ์การจัดการข้อมูลในธุรกิจ
  • ธุรกิจค้าปลีก: ใช้ข้อมูลลูกค้าเพื่อพัฒนาประสบการณ์การซื้อสินค้าแบบส่วนบุคคล
  • อุตสาหกรรมการผลิต: ใช้ข้อมูลเพื่อปรับปรุงกระบวนการผลิตและลดของเสีย